ไวยากรณ์ของฟังก์ชัน upper()
ไวยากรณ์ของฟังก์ชัน upper() คือ:
str.บน()
ในขณะที่ใช้ฟังก์ชัน upper() เราเพียงแค่ต้องเขียนชื่อสตริงของเราและเรียกใช้ฟังก์ชัน upper() มาดูตัวอย่างฟังก์ชั่น upper() กัน
ตัวอย่าง
มาประกาศสตริงอักขระตัวพิมพ์เล็กและแปลงเป็นอักขระตัวพิมพ์ใหญ่
#ประกาศสตริงตัวพิมพ์เล็ก
ชื่อ= 'กัมรัน สัตตา ไวสิ'
#พิมพ์สตริงเดิม
พิมพ์('นี่คือสตริงดั้งเดิม:')
พิมพ์(ชื่อ)
#แปลงสตริงเป็นตัวพิมพ์ใหญ่
พิมพ์('นี่คือสตริงที่แปลงแล้ว:')
พิมพ์(ชื่อ.บน())
เอาท์พุต
ตอนนี้ เรามาประกาศสตริงที่มีอักษรตัวพิมพ์เล็กและตัวพิมพ์ใหญ่สองสามตัว ฟังก์ชัน upper() จะแปลงสตริงทั้งหมดเป็นตัวพิมพ์ใหญ่
ชื่อ= 'LinuxHint คือ WEb BasEd การเรียนรู้ PoRtal'
#พิมพ์สตริงเดิม
พิมพ์('นี่คือสตริงดั้งเดิม:')
พิมพ์(ชื่อ)
#แปลงสตริงเป็นตัวพิมพ์ใหญ่
พิมพ์('นี่คือสตริงที่แปลงแล้ว:')
พิมพ์(ชื่อ.บน())
เอาท์พุต
มีการใช้งานฟังก์ชัน upper() มากมาย ตัวอย่างเช่น Python เป็นภาษาที่คำนึงถึงขนาดตัวพิมพ์ หากเราต้องการเปรียบเทียบทั้งสองสตริง เราสามารถแปลงให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่ แล้วจึงเปรียบเทียบได้
#ประกาศสายแรก
name_str1= 'กัมรัน สัตตา ไวสิ'
#ประกาศสายที่สอง
name_str2='กามราญสัตตา ไวสิ'
#แปลงสตริงเป็นตัวพิมพ์ใหญ่และเปรียบเทียบ
ถ้าname_str1.บน()==name_str2.บน():
พิมพ์('ทั้งสองสายเหมือนกัน')
อื่น:
พิมพ์('สายไม่เท่ากัน')
เอาท์พุต
บทสรุป
ฟังก์ชัน upper() ใช้เพื่อแปลงอักขระตัวพิมพ์ใหญ่ของสตริง บทความนี้อธิบายการใช้ฟังก์ชัน upper() โดยใช้ตัวอย่างง่ายๆ