แพนด้าอ่าน JSON

Phaenda Xan Json



“สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก เราใช้ไลบรารีของ “Python” ซึ่งเป็นไลบรารีของ “pandas” เราสามารถใช้ไลบรารี 'แพนด้า' ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งช่วยให้เราในหลายสาขา เช่น วิทยาศาสตร์ข้อมูลและการเรียนรู้ของเครื่อง ใน “pandas” เราสามารถสร้างไฟล์ “JSON” และเรายังสามารถอ่านไฟล์ “JSON” นี้ได้ ข้อมูลจำนวนมากมักถูกบันทึกเป็น JSON JSON ใช้กันอย่างแพร่หลายในการเขียนโปรแกรม “pandas” “pandas” มีวิธีการ “read_json()” สำหรับอ่านไฟล์ “JSON” และจัดเก็บเป็น DataFrame เราสามารถอ่าน JSON จากสตริงที่เราสร้างขึ้นในโค้ดของเราได้ เราจะแสดงวิธีอ่าน JSON ในการเขียนโปรแกรม “pandas” และวิธีใช้วิธี “read_json()” ใน “pandas” ในคู่มือนี้ เราจะอ่านข้อมูลแล้วแสดงข้อมูลของไฟล์ JSON ในรูปแบบของ DataFrame ใน “pandas” เราจะหารือเกี่ยวกับไวยากรณ์ที่นี่ด้วย”

ไวยากรณ์

ไวยากรณ์ที่สมบูรณ์ของเมธอด “read_json()” นี้แสดงไว้ด้านล่าง

หมีแพนด้า read_json ( เส้นทาง , orient = ค่า , พิมพ์ = 'กรอบ' , dtype = ค่า , convert_axes = ค่า , convert_dates = จริง , keep_default_dates = จริง , งี่เง่า = เท็จ , แม่นยำ_float = เท็จ , date_unit = ค่า , การเข้ารหัส = ค่า , encoding_errors = 'เข้มงวด' , เส้น = เท็จ , ขนาดก้อน = ค่า , การบีบอัด = 'อนุมาน' , nrows = ค่า , storage_options = ค่า )

ตัวอย่าง 01

ตัวอย่างเหล่านี้ ซึ่งนำเสนอในคู่มือนี้ ดำเนินการในแอป “Spyder” ก่อนใช้เมธอด “read_json()” ก่อนอื่นเราต้องสร้างไฟล์ JSON ที่มีข้อมูลที่เราจะอ่านโดยใช้เมธอด “read_json()” เราได้พูดคุยกันถึงวิธีการสร้างไฟล์ JSON ใน “pandas” ที่นี่ ที่นี่ คุณจะเห็นว่าเราสร้าง DataFrame ก่อนโดยใช้เมธอด “pd.DataFrame()”







จากนั้นเราเพิ่ม “Name, Num_1, Num_2, Num_3, Num_4 และ Num_5” เป็นคอลัมน์ของ DataFrame นี้ และยังแทรกข้อมูลบางส่วนในคอลัมน์เหล่านี้ด้วย หลังจากนี้ เราใช้เมธอด “to_json()” ซึ่งช่วยในการแปลง DataFrame นี้เป็น JSON เราป้อนชื่อที่เราต้องการมอบให้กับไฟล์ 'JSON' ซึ่งจะเก็บข้อมูล JSON ชื่อที่เราตั้งให้ที่นี่คือ “Marks.json” ดังนั้น หลังจากรันโค้ดนี้แล้ว ไฟล์ JSON จะถูกสร้างขึ้นในชื่อ “Marks.json” และจะจัดเก็บข้อมูลใน JSON ซึ่งเราได้ป้อนไว้ที่นี่





หลังจากรันโค้ดนี้โดยกด 'Shift+Enter' ไฟล์ JSON จะถูกสร้างขึ้น และไฟล์ JSON จะแสดงอยู่ด้านล่างนี้ด้วย นี่คือไฟล์ JSON ที่เราได้รับหลังจากรันโค้ดด้านบน ตอนนี้ เราจะดำเนินการต่อไปและจะอ่านไฟล์ JSON นี้โดยใช้เมธอด “read_json()”





ตอนนี้ ก่อนอื่นเราต้อง 'นำเข้า' ไลบรารี 'pandas' เพราะเราต้องใช้วิธี 'read_json()' ที่นี่ ซึ่งเป็นวิธีการของ 'pandas' เรากำลังนำเข้า 'แพนด้าเป็น pd' ด้านล่างนี้ เราใช้เมธอด “read_json()” และใส่ชื่อไฟล์ที่มีข้อมูลที่เราต้องการอ่าน ไฟล์ที่เราสร้างไว้ด้านบนนี้จะถูกวางไว้ที่นี่ ดังนั้นเราจะอ่านข้อมูลของไฟล์ JSON นั้น เราส่งเส้นทางของไฟล์ในเมธอด “read_json()” ซึ่งก็คือ “Marks.json” และกำหนดฟังก์ชันนี้ให้กับตัวแปร “df” ด้วย ดังนั้น หลังจากอ่านไฟล์ JSON นี้ ข้อมูลของไฟล์ JSON จะถูกเก็บไว้ในตัวแปร “df” นี้ ตอนนี้ เราพิมพ์ข้อมูลนั้นโดยใช้ 'print()' และเพิ่มเมธอด 'to_string()' ด้วยตัวแปร 'df' วิธีการ “to_string()” นี้ช่วยเราในการพิมพ์ DataFrame มันจะพิมพ์ข้อมูลของไฟล์ JSON ในรูปแบบ DataFrame



ข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในไฟล์ JSON ด้านบนจะแสดงเป็น DataFrame ด้านล่าง คุณสามารถสังเกตได้ว่าข้อมูลทั้งหมดของไฟล์ JSON จะถูกแปลงเป็น DataFrame และแสดงในเอาต์พุต

ตัวอย่าง 02

เราสามารถอ่านสตริง JSON ได้ด้วยความช่วยเหลือของเมธอด “read_json()” หลังจากนำเข้า “pandas” เราสร้างสตริงที่นี่และบันทึกสตริงนั้นในตัวแปร “my_str” สตริงที่เราสร้างที่นี่มีข้อมูลที่เป็น 'หัวเรื่อง' และเราใส่ชื่อของหัวเรื่องซึ่งก็คือ 'ภาษาอังกฤษ' จากนั้นเราเพิ่ม 'Pay' ซึ่งก็คือ '25000' ที่นี่ และ 'วัน' ซึ่งก็คือ '70 วัน' ด้วย หลังจากทั้งหมดนี้ เรายังเพิ่ม “ส่วนลด” ซึ่งก็คือ “1000” ไว้ที่นี่ สตริง JSON เสร็จสมบูรณ์ที่นี่

ตอนนี้ เรากำลังอ่านสตริง JSON นี้โดยใช้เมธอด “read_json()” ของ “pandas” และใส่ชื่อของตัวแปรที่เก็บสตริงไว้ ชื่อของตัวแปรนี้คือ “my_str” และเราเพิ่มที่นี่เป็นพารามิเตอร์แรกของเมธอด “read_json()” หลังจากนี้ เราเพิ่มพารามิเตอร์อื่นซึ่งเป็นพารามิเตอร์ 'ทิศทาง' ที่นี่ และเราตั้งค่าเป็น 'ระเบียน' จากนั้นเราเพิ่ม 'my_df' นี้ในเมธอด 'print()' เพื่อให้แสดงผลบนเทอร์มินัลเมื่อเรารันโค้ดนี้

ข้อมูลที่เราได้รับหลังจากอ่านสตริง JSON จะแสดงอยู่ด้านล่าง ที่นี่ ข้อมูลจะแสดงใน DataFrame ซึ่งเราป้อนเป็นสตริง JSON ในโค้ดของเรา

ตัวอย่าง 03

เราสร้างสตริง JSON อื่นที่นี่ คุณต้องจำไว้ว่าคุณต้องวางสตริงในบรรทัดเดียวเท่านั้น หากเราเพิ่มข้อมูลที่เหลือของสตริงในบรรทัดใหม่ ข้อความแสดงข้อผิดพลาดจะเกิดขึ้น ดังนั้น คุณต้องเขียนทั้งสตริงในบรรทัดเดียว ที่นี่ สตริง JSON จะถูกสร้างขึ้นและเก็บไว้ในตัวแปร 'สตริง' จากนั้น เรากำลังอ่านสตริง JSON โดยใช้เมธอด “read_json()” เราเพิ่ม 'สตริง' ซึ่งจัดเก็บสตริง JSON ในเมธอด 'read_json()' นี้ หลังจากอ่าน เราจะเก็บสตริงนี้ไว้ในตัวแปร 'JSON_Data' หลังจากนี้ เราจะใช้ “print()” และเพิ่ม “JSON_Data” เข้าไป ซึ่งจะช่วยในการแสดงผล

ด้านล่างนี้ DataFrame แสดงผล และเราได้รับ DataFrame นี้หลังจากอ่านสตริง JSON วันที่ที่เราป้อนในโค้ดของเราเป็นสตริง JSON จะแสดงที่นี่เป็น DataFrame

ตัวอย่าง 04

นี่คือไฟล์ JSON ของเรา และเราจะใช้วิธี “read_json()” กับไฟล์ JSON นี้ มันจะอ่านข้อมูลที่มีอยู่ในไฟล์ JSON นี้และจะแสดงข้อมูลนี้ใน DataFrame

ตอนนี้ เนื่องจากเราต้องใช้วิธี 'read_json()' ของไลบรารี 'pandas' เราจึงต้อง 'นำเข้า' ไลบรารีก่อน กำลังนำเข้าแพนด้าเป็น 'pd' เราได้วางไฟล์ที่เราได้แสดงไว้ข้างต้นเพื่อให้เราสามารถอ่านข้อมูลจากไฟล์ JSON นั้นได้ เส้นทางของไฟล์ 'Company.json' ถูกส่งไปยังเมธอด 'read_json()' และฟังก์ชันนี้ยังถูกกำหนดให้กับตัวแปร 'JSON_Rec' ด้วย ข้อมูลจากไฟล์ JSON จะถูกวางไว้ในตัวแปร “JSON_Rec” หลังจากที่ได้อ่านแล้ว ตอนนี้เราใส่ 'print()' และเพิ่ม 'JSON_Rec' ลงไป

ข้อมูลที่มีอยู่ในไฟล์ JSON ที่กล่าวถึงข้างต้นจะแสดงด้านล่างเป็น DataFrame คุณจะเห็นว่าผลลัพธ์แสดง DataFrame พร้อมข้อมูลทั้งหมดจากไฟล์ JSON ที่แปลงเป็นไฟล์นั้น

บทสรุป

เราได้อธิบายวิธีการ “read_json()” ของ “pandas” โดยละเอียดแล้วในคู่มือนี้ เราได้นำเสนอไวยากรณ์ของเมธอด “read_json()” ที่นี่ และเรายังใช้เมธอด “read_json()” นี้ในโค้ด “pandas” ของเราด้วย เราได้อ่านสตริง JSON และไฟล์ JSON ด้วยความช่วยเหลือของเมธอด “read_json()” ที่นี่ และได้อธิบายวิธีสร้างไฟล์ JSON และวิธีการอ่านไฟล์ JSON นั้นแล้ว เราได้อธิบายวิธีสร้างสตริง JSON และวิธีอ่านสตริง JSON ด้วยความช่วยเหลือของเมธอด “read_json()” ในคู่มือนี้